พฤติกรรมประจำของสุนัขแต่สายพันธุ์

พฤติกรรมประจำสายพันธุ์ สุนัขแต่ละสายพันธุ์มีลักษณะพฤติกรรมที่แตกต่างกันไป โดยสามารถทำการแบ่งได้เป็นหลายๆกลุ่ม โดยแบ่งตามจุดประสงค์ของการใช้งานตามสายวิวัฒนาการนั้นๆขณะที่ได้ทำการเริ่มต้นพัฒนาสายพันธุ์ ได้แก่

1. Herding Dogs

(กลุ่ม Collies, Shepherd, Sheepdog และ Corgi) ในอดีตบรรพบุรุษของสุนัขกลุ่มนี้ถูกพัฒนามาเพื่อควบคุมฝูงปศุสัตว์ต่างๆ ความโดดเด่นของสุนัขกลุ่มนี้คือ มีสัญชาติญาณในการคุมฝูง(การเป็นเจ้าของ) ดังนั้นจึงมีการแสดงออกซึ่งพฤติกรรม การเห่า, การสะกดรอย และการคุยเขี่ย มีความฉลาดกล้าหาญและสามารถฝึกฝนได้ง่าย มีความต้องการในการออกกำลังกายสูง จึงไม่เหมาะในการเลี้ยง indoor ปัจจุบันสุนัขกลุ่มนี้ที่ยังคงใช้งานอยู่ ได้แก่ German Shepherd Dog ใช้ฝึกเป็นสุนัขตำรวจ หรือ Border Collie ใช้ในการโชว์แสดงสุนัขแสนรู้

2. Hound dogs

เหนือสิ่งอื่นใดพึงคิดเสมอว่าสุนัขกลุ่มนี้ เป็นสุนัขที่มีสัญชาตญาณการล่าเหยื่อ และค้นหาเหยื่อขนาดเล็กเป็นชีวิตจิตใจ และเนื่องจากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้มีมีสมาธิในการฝึกฝนต่ำ และจะต้องระวังเมื่อเลี้ยงร่วมกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ

โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มย่อยได้แก่

1. กลุ่ม Sight hounds Ex. Greyhound, Whippet, และ Saluki กลุ่มนี้จะมีลักษณะพฤติกรรมที่โดดเด่นคือ ชอบล่าเหยื่อโดยอาศัยสายตาที่ดีมากในการล่าเหยื่อขนาดเล็ก ชอบที่จะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วว่องไวสอดคล้องกับลักษณะรูปร่างที่ผอมเพรียว
   
2. กลุ่ม Scent hounds Ex. Basset hound, Dachshunds, และ Beagle กลุ่มนี้มีลักษณะพฤติกรรมที่โดดเด่นคือ ชอบล่าเหยื่อโดยมีพฤติกรรมในการดมกลิ่นโดยจมูกที่ไวต่อกลิ่นมากเป็นพิเศษในการค้นหาเหยื่อขนาดเล็ก ไม่ค่อยชอบเคลื่อนไหว ทำให้เหมาะกับการเลี้ยงในลักษณะ indoor โดยจะใช้การดมกลิ่นแทน โดยหากพบว่ามีกลิ่นผิดปกติ ก็จะตอบสนองโดยการเห่า หรือหอน

3. Terrier dogs

(กลุ่ม Terrier Ex. Bull Terrier, Pit Bull Terrier, และ Jack Russell Terriers) คำว่า Terrier มาจากภาษาลาตินคือ Terra ซึ่งแปลว่า พื้น หรือ ดิน ดังนั้นสุนัข กลุ่มนี้จึงถูกตั้งชื่อ ตามพฤติกรรมของมัน คือ การล่าเหยื่อที่อยู่ใต้พื้นดิน หรือยู่ในโพรง โดยปกติสุนัขล่าเหยื่อพันธุ์ใหญ่ มักจะถูกจัดเป็นกลุ่ม Hound ส่วน พันธุ์เล็กจะถูกจัดเป็นกลุ่ม Terrier พฤติกรรมในสุนัขกลุ่มนี้จะคล้ายกับ hound dogs คือมีความเป็นนักล่าสูง นอกจากนี้ยังมีลักษณะที่โดดเด่นของกลุ่มนี้คือ มีสัญชาตญาณของความเป็นนักสู้สูง คือชอบเห่าและชอบกัดทุกสิ่งที่ขวางหน้าหากไม่ได้รับการออกกำลังกายที่เพียงพอ ซึ่งสอดคล้องกับลักษณะกรามที่ใหญ่ในสุนัขกลุ่มนี้ นอกจากนี้หากสุนัขไม่ได้รับการเข้าสังคมที่เพียงพอตั้งแต่ยังเล็ก จะพบว่าสุนัขจะมีพฤติกรรมก้าวร้าวทั้งต่อคนแปลกหน้าหรือสุนัขด้วยกันเอง

4. Sporting group

(Golden Retriever, Labrador Retriever และ Cocker Spaniels) สุนัขกลุ่มนี้ มีพฤติกรรมตามสายพันธ์คือ มีพลังงานสูงและรักการออกกำลังกาย อันเนื่องมาจากสุนัขกลุ่มนี้เดิมทีถูกพัฒนามาเพื่ออำนวยความสะดวกในการระบุตำแหน่งของเหยื่อ ช่วยคาบเหยื่อที่ตายแล้วจากในน้ำให้กับนายพรานในสมัยก่อน ดังนั้นสุนัขกลุ่มนี้จึงชอบการว่ายน้ำ และการคาบส่งลูกเทนนิสเป็นพิเศษ นอกจากนี้เนื่องจากสัญชาตญาณเดิมไม่ได้เป็นสุนัขล่าเหยื่อ จึงสามารถเข้ากันได้ดีกับเด็กๆและทุกคนในครอบครัว

5. Working dogs

(Rottweiler, Great Dane, Doberman pinscher และ Siberian Husky) สุนัขกลุ่มนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ตรงตามหน้าที่ที่ได้รับ ดังนั้นสุนัขกลุ่มนี้จึงมีความหลากหลายในด้านพฤติกรรมมากซึ่งขึ้นกับสายพันธ์ เช่น Rottweiler Great Daneและ Doberman จะมีความจงรักและภักดีแก่นาย สุนัขในกลุ่มนี้เป็นสุนัขที่ถูกฝึกเพื่อการใช้งานที่ต้องอาศัยความเชื่อฟัง การมีระเบียบวินัยและอดทนสูง เช่น เป็นสุนัขเฝ้ายาม หรือ นำทางคนตาบอด

6. Toys group

(Boston Terrier, Pug, Pomeranian และ Yorkshire Terrier) สุนัขกลุ่มนี้มีการวิวัฒนาการ ได้แก่

• พัฒนาเพื่อมาเป็น companion animal ขนาดเล็กโดยตรง
  
• พัฒนาโดยทำให้มีขนาดเล็กลงจากพันธุ์มาตรฐาน ซึ่งพฤติกรรมตามสายพันธุ์ของกลุ่มที่สองนี้จะต้องอ้างอิงจากมาตรฐานสายพันธ์เดิมนั่นเอง แต่หลักๆแล้วพฤติกรรมในสุนัขกลุ่มนี้ จะขาดเจ้าของไม่ได้ หวงเจ้าของ ต้องการความรักและความเอาใจใส่จากเจ้าของอยู่เสมอ สุนัขในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มักมีความกระตือรือร้นดีแต่ไม่สัมพันธ์กับสรีระซึ่งมีขนาดเล็ก ดังนั้นต้องระวังการบาดเจ็บอันเนื่องจากการออกกำลังกายที่ไม่เหมาะสมด้วย  นอกจากนี้พบว่าสุนัขดังกล่าวเป็นสุนัขที่สอนให้เชื่อฟังหรือฝึกได้ยาก อย่างไรก็ตามจากงานวิจัยพบว่าการเลี้ยงดูอย่างไม่เหมาะสมของเจ้าของ หรือการตามใจ มีผลต่อการแสดงพฤติกรรมดังกล่าวมากกว่าลักษณะประจำสายพันธุ์